วันจันทร์, สิงหาคม ๒๑, ๒๕๔๙

อาหารจานเด็ด (อร่อยมาก..ขอบอก)

งานในหน้าที่ตำรวจอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญก็คือ “งานมวลชน” ทั้งนี้เพราะว่างานมวลชนเป็นงานที่เป็นรากฐานของการได้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ และสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่างชาวบ้านกับตำรวจ และทำให้ตำรวจสามารถทำงานทุกอย่างได้ง่ายขึ้น (ขอย้ำ..ทุกอย่าง) เพราะว่าหากมีคนหลายๆคนร่วมมือกันทำงานอะไรก็ตามด้วยจิตใจมุ่งมั่นร่วมกันแล้ว ผมเชื่อว่างานทุกงานไม่ว่ายากหรือง่ายก็ต้องสำเร็จไปได้ด้วยดี แต่ตำรวจที่ทำงานด้านมวลชนเป็นตำรวจที่น่าสงสาร เนื่องจากผู้ใหญ่หลายคนไม่ได้ให้ความสำคัญกับงานมวลชนเท่าใดนัก ทั้งนี้เนื่องจากงานของตำรวจถ้าอยากมีชื่อเสียงต้องสืบเก่งจับโจรเก่งและส่วนมากงานโชว์ของตำรวจจะต้องเป็นงานเกี่ยวกับอาชญากรรมเท่านั้น ดังนั้น ตำรวจที่ทำงานด้านมวลชนต้องเป็นคนที่ใจรักงานด้านนี้จริงๆ และเสียสละมากๆ เงินทองก็มีน้อยกว่างานอื่น ไม่ได้มีค่าเสี่ยงภัย ส่วนแบ่งค่าปรับ ฯลฯ ทั้งที่งานนี้ต้องทำตลอด 24 ชั่วโมง เหนื่อยและหนักมาก ยศฐาบรรดาศักดิ์ก็ไม่ค่อยได้ เพราะส่วนมากตำรวจเรามีวิธีวัดผลที่ผมคิดว่าไม่น่าจะถูกต้องเท่าไรนัก ชอบวัดผลเชิงปริมาณ เปรียบเทียบผลคดีอาญา เหตุเกิดเท่าไร จับได้เท่าไร แล้วงานมวลชนจะวัดได้อย่างไร ก็มันเป็นงานเชิงคุณภาพ วัดยาก แต่งานมวลชนก็เป็นงานที่ใครทำก็ได้กับตัวเอง ถ้าทำดีๆชาวบ้านรัก อยู่อย่างมีความสุขร่วมกัน แต่อย่าได้หวังว่าจะก้าวหน้านะ อาจก้าวหน้าได้ แต่ผมว่ายาก นอกจากจะวางแผนการประชาสัมพันธ์ดีๆ แต่กว่าจะได้ก็คงหืดขึ้นคอ ใช้ระยะเวลานาน ไม่เหมือนจับโจร แป๊บเดียวก็ดังแล้ว ทั้งนี้ ผมเคยทำมาแล้วทั้งงานมวลชนและงานจับโจร ผมว่างานทุกงานมีความสำคัญไม่แพ้กัน แล้วแต่ว่าจะมองมุมไหนและผู้มองจะให้ความสำคัญอย่างไรเท่านั้นเอง ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้าน ผมเชื่อได้ว่าตำรวจหน่วยงานเดียวไม่สามารถทำงานได้เลย ครั้งหนึ่งในชีวิตราชการ ผมเคยเป็น ตชด.อยู่ที่ ร้อย ตชด.๑๑๕ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรีตอนนั้นผมเพิ่งสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ด้วยความเป็นน้องเล็กสุดของนายตำรวจ ร้อย ตชด.๑๑๕ ผมจึงได้รับมอบหมายงานหลายอย่าง ทั้งนี้เป็นเจตนาดีของพี่ๆ เพื่อให้ผมได้เรียนรู้งานทุกอย่างในกองร้อย ผมจึงเป็นทั้ง ผบ.มว.ตชด.๑๑๕๔ , หัวหน้าชุดปฏิบัติการการข่าว , หัวหน้าชุดป้องกันปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า , หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด , หัวหน้าชุดมวลชนสัมพันธ์ ฯลฯ ไปจนถึงหัวหน้าทีมฟุตบอล ไงล่ะ เอาทุกอย่าง แต่ผมก็สนุกกับงาน เพราะว่ายังเป็นนายตำรวจจบใหม่ อยากเรียนรู้งานมากๆ ผมก็พร้อมจะทำทุกงานที่ได้รับมอบหมาย และทุกงานก็สำเร็จไปได้ด้วยดี ทั้งนี้ เพราะว่าพี่น้อง ตชด.ทุกคนใน ร้อย ตชด.๑๑๕ ให้ความร่วมมือร่วมใจกันทำงานทุกครั้ง อาจเป็นเพราะว่าเราร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตลอด 24 ชั่วโมง กินข้าวหม้อเดียวกัน นอนที่เดียวกัน เหนื่อย หิว และเสี่ยง มาด้วยกัน ยามว่างหลังเลิกงานก็นั่งสังสรรค์ด้วยกันทุกเย็น เวลานั้นเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขที่สุดช่วงหนึ่งของผม บ้านหลวงที่ผมอยู่มีลูกน้องกินนอนอยู่ด้วยกันกับผมมากถึงสิบกว่าคน ไม่รู้มันนอนเข้าไปได้ยังไง กินด้วยกัน นอนด้วยกัน ฉะนั้น เวลาทำงานจึงทำงานกันด้วยใจจริงๆ ไม่มีอู้มึนซึม มาถึงงานมวลชนเมื่อครั้งอยู่ ตชด. เวลานั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ท่านจะเสด็จ รร.บ้านน้ำเขียว จ.ตราด และผมก็ได้รับมอบหมายภารกิจให้นำกำลังชุดมวลชนของ ร้อย ตชด.๑๑๕ เข้าไปช่วยสร้างโรงเรียน โดยจะต้องพักอาศัยในหมู่บ้านประมาณ 1 เดือน โดยผมกับลูกน้องได้พักอาศัยอยู่ในบ้านไม้ชาวประมงหลังหนึ่งในทะเล ในทะเลจริงๆครับขอบอก คือว่าเวลาน้ำขึ้น ด้านล่างบ้านพักของเราคือน้ำทะเล เวลาน้ำทะเลลงด้านล่างก็จะเป็นขี้เลน กุ้งหอยปูปลาเพียบ ไม่มีมลพิษ และก็ เหมือนเดิม ตื่นเช้ามาเราก็กินข้าวด้วยกัน จากนั้นก็ออกไปสร้างโรงเรียน เที่ยงก็กินด้วยกัน เลิกงานกลับที่พักพร้อมกัน และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ตอนเย็น แดดร่มลมตก บนบ้านนั่นแหละครับที่สังสรรค์ของเรา ชาวบ้านก็น่ารัก เอากับข้าวมาแบ่งให้พวกเรากินทุกวัน นี่แหละที่เค้าว่าคนจนแต่รวยน้ำใจ ชุดมวลชนของเราเลยอิ่มหมีพีมันตลอด เสร็จจากกินข้าว ทั้งตำรวจ และชาวบ้านก็เริ่มนั่งล้อมวงคุยกัน โดยมีน้ำยาเชื่อมความสามัคคีสี่สิบดีกรีเป็นเครื่องประกอบการสนทนา และวันนั้นก็มาถึง วันสุดท้ายที่พวกเรา(ตชด.,ชาวบ้าน,ฝ่ายปกครอง ฯลฯ) ร่วมกันสร้างโรงเรียนบ้านน้ำเขียวจนเสร็จ เย็นนั้น ไม่ต้องบอกก็คงจะเดาได้ พวกเราก็สังสรรค์กันที่เดิมอีก คุยกันไปจิบกันไปเพลิดเพลิน หลายคนเข้ามาคุยกับผมว่าไม่อยากให้สร้างโรงเรียนเสร็จเลย เพราะว่าไม่อยากให้พวกเรากลับ อยากให้อยู่นานๆ (นี่แหละครับเสน่ห์ของชุดมวลชน) หลายคนร้องไห้ ตาแดง หลังจากจิบกันไปได้สักพัก ผมก็กล่าวขอบคุณชาวบ้านที่ให้ความรักเอ็นดูพวกเราตำรวจตระเวนชายแดน ขอบคุณสำหรับการดูแลที่หลับที่นอน รวมทั้งอาหารการกิน และผมก็ชอบกับข้าวที่ชาวบ้านนำมาให้อยู่อย่างนึง เพราะว่าส่วนมากกับข้าวที่นำมาให้จะเป็นพวกน้ำพริก ผัก แนวๆนี้ แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือ “ปลาทอด” มีทุกวัน และผมก็กินทุกวัน ผมแอบคิดว่าชาวบ้านคงรู้ว่าผมชอบกินปลาทอดแหงๆ ถึงได้กินทุกวัน เกรงใจเหมือนกันนะ แต่อร่อยนี่หว่า วันสุดท้ายผมจึงถามว่า “ปลาทอดนี่อร่อยจัง ปลาอะไรเหรอครับ กลับไปจะได้หาซื้อกินเองได้” เท่านั้นแหละ ผมเห็นหลายคนอมยิ้ม และหนึ่งในนั้นก็บอกผมว่า “เจ้านายน้อย (เค้าเรียกผมอย่างนั้น) หาซื้อกินไม่ได้หรอก ไม่มีขาย ถ้าอยากกินอีกต้องมาที่นี่” อ้าว...ปลาอะไรวะไม่มีขาย มีกินที่นี่ที่เดียว เอาล่ะไม่ขายไม่ว่าแต่ขอรู้ชื่อปลาก็ยังดี ถ้ารู้ว่าเป็นปลาอะไรผมคิดว่าผมต้องหาซื้อจนได้แหละ “แล้วปลาอะไรเหรอครับ” ผมตื้อถามอีก “ก็ปลาที่เจ้านายน้อยเห็นมันวิ่งเล่นอยู่ใต้ถุนบ้านน่านแหละ เอามาทอดให้กินกัน” เฮ้ย!!! ไอ้ปลาที่เราเห็นวิ่งเล่นทุกวัน ตาโตๆ หน้าตาทะเล้นๆ นั่นมัน “ปลาตีน” นี่หว่าเรากินปลาตีนกันมาเดือนนึงเต็มๆเลยเหรอ แต่ไม่เป็นไรอร่อยดี แล้วต่อไปจะหาซื้อกินได้ที่ไหนวะเนี่ย ???

1 ความคิดเห็น:

  1. มาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตตำรวจค่ะ เป็นกำลังใจให้คนทำงานคุณภาพ ว่าแต่ปลาตีน นี่กินได้ด้วย??? !!!! -*-

    ตอบลบ